หลวงปู่พุทธะอิสระ กับวิชาที่สอน

คัดย่อมาจากบางส่วนของหนังสือ เกาะชายจีวร เรื่องเล่าของศิษย์พระพุทธะ

อักษรสวรรค์ เป็นการเดินลมโดยการหายใจเข้าผ่านจมูกมายังลำคอ ผ่านหน้าอก ผ่านช่องท้อง ทะลุไปยังก้นกบ ขึ้นมาที่กระดูกสันหลัง ข้อแรก ผ่านข้อที่ 1 ข้อที่ 2 ข้อที่ 3 เรื่อยมาถึงข้อที่ 17 ขึ้นไปยังต้นคอ กลางกระหม่อม ลงมาที่หน้าผากแล้งออกทางจมูก จากนั้หายใจเข้าใหม่ กำหนดลมย้อนขึ้นแล้วกลับลงมาทางด้านหลัง เริ่มจาก จมูก มาหน้าผาก ขึ้นไปกลางกระหม่อม ลงมาต้นคอ บ่าทั่ง 2 ข้าง ไล่มาตามกระดูกสันหลัง ก้นกบ ช่องท้อง ผ่านหน้าอกลำคอ แล้วออกจมูกหรือปาก การเจริญสติวิธีนี้จะนั่งหรือยืนก็ได้ จนกระทั่งสัมผัสได้ว่า ลมเคลื่อนเป็นกระแสร้อนไปตามจุดต่างๆที่กำหนด " การฝึก กำหนดจิตให้ลมทวนกระแสย้อนกลับไป มา ก็เพื่อนำเอาสติให้ตามรู้ในจุดที่เราต้องการรู้และเมื่อเราทำไปเรื่อยๆบ่อยๆก็สามารถบังคับลมหายใจให้ลงไปตามส่วนต่างๆของร่างกายทุกๆส่วน แม้กระทั่งรูขุมขนหรือเส้นผม หรือกำหนดให้ลมหายใจผ่านตามข้อกระดูกต่างๆที่เรียกว่า " ชำระไขกระดูก " ก็ได้ ข้อสำคัญ การนั่งหรือยืนก็ตาม ก่อนปฎิบัติต้องจัดระเบียบของการก่อน กระูดูกคอและกระดูกสันหลังต้องเป็นเส้นตรงโดยใชตัวรู้กำหนด

การคลำกระดูก คลำศีรษะให้กดคลึงถึงกระดูกจริงๆ กะโหลกศีรษะ หน้าผาก เบ้าตา จมูก โหนกแก้ม เบ้าตาและจมูกเป็นอย่างไร บุ๋มลึกลงไปใช่ไหม? กกหู ไม่มีใบหูใช่ไหม? ฟันบน ฟันล่าง กราม กะโหลกด้านหลัง กระดูกต้นคอ กระดูกไหล่ กระดูกต้นแขน ข้าศอก แขน ข้อมื อ กระดูกหลังมือ ข้อนิ้วแต่ละข้อ ต่อไปทั่งภายในขณะที่คลึงให้หลับตา และให้จิดติดตามเข้้าไปให้เข้าใจแจ่มชัดในจุดที่คลำ ความรู้สึกอยู่ที่โครงสร้างลึกๆในกายเรา เพื่อรับรู้สภาพความเป็นจริง เมื่อทำจนชำนาญแล้วต่อไปก็ไม่ต้องใช้มือสัมผัสอีก ใช้เพียงจิตสัมผัสเพียงอย่างเดียวจะมีตัวรู้ปรากฎ ไม่ว่าชายหรือหญิงสาวหนุ่มหรือแก่ สวยงามหรือไม่ ทุกผู้ทุกนาม จะมีสภาพกายแท้จริง เหมือนกันหมด

"ลูกหลาน ต้องให้ความสำคัญแก่สิ่งที่มีค่าที่สุดคือจิต อย่างปล่อยให้จิตตนตกตำ่ด้วยโทสะ โมหะ โลภะ ทุกวันเวลามีค่า เวลาที่หายไปไม่สามารถเรียกคืนมาได้ไม่ว่าจะเจริญสติแบบไหน ใจนี้ต้องปราศจากการปรุงทั่งปวง มีเพียงแต่ความว่างกับอารมณ์ที่นิ่งสถิตอยู่กับการเจริญสติ ต้องจดจ่อ จริงจัง ตั้งใจ ทำให้กาย วาจา ใจ นี้ศักดิ์สิทธิ์ คือ สำเร็จประโยชน์"

สิ่งหนึ่งที่หลวงปู่ย้ำก็คือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ด้วยการรับประทานอาหารที่เหมาะกับโรคนั้นๆ(อาหารต้านโรค) และการปรับเปลี่ยนอิริยาบถ เพื่อความสมดุลแห่งกายรวมทั้งการปรับสมดุลแห่งจิตเป็นหลัก เพราะเมื่อมีสมดุลของกายและจิตแล้วจะนำไปสู่การสร้างภูมิต้านทานโรค หรือการกำจัดปัจจัยก่อโรค ส่วนยานั้นเป็นเพียงตัวช่วยเท่านั้น (เกาะชายจีวร น.492 นพ.สิทธิชัย กุลพรศิริกุล)


บทโศลกพระพุทธะ
ลูกรัก...กายศักดิ์สิทธิ์ เป็นสภาวะของกาย ที่เป็นบ่อเกิดแห่งจิต
ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอานุภาพ คือกายที่เต็มไปด้วย
การฝึกปรือ อดทน อดกลั้น เสียสละ
กายที่เต็มไปด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน
ย่อมเป็นเหตุให้จิตกล้าแข็งและสมดุล รักษาพลังได้อย่างคงที่
นั่นคือ จิตศักดิ์สิทธิ์ มันจึงเกิด ธรรมะศักดิ์สิืทธิ์
คือความไม่กระเพื่อมแห่งจิต สงบแห่งจิต
หยุดแห่งจิต สะอาดแห่งจิต
เสรีภาพแห่งจิต ทำให้เกิดปัญญาญาณหยั่งรู้ว่า
อะไรคือความเปล่าและนำไปสู่ความว่างได้วอย่างไร
(เกาะชายจีวร น.499 )


ปราณโอสถ คือ การเดินลมไปหยุดอยู่ในจุดที่ต้องการรักษา และกลั้นลมไว้นิดนึง แล้วผ่อนออกยาวๆ พร้อมกับทำความรู้สึกให้พิษหรือของเสียที่คั่งค้างออกไปพร้อมกับลมหายใจออกทางปากหรือจาูกก็ได้


ยังมีอีกเยอะที่จะเก็บประเด็นจากในหนังสือมาสอดแทรกผมอ่านๆไปจะจับมาเป็นส่วนๆตามความเห็นอันน้อยๆนี้คุณๆสามารถค้นเพิมเติมได้ยังมีดีอีกหลายนะ่จะบอกให้ฮ่าๆๆๆๆๆ

ที่วัดอ้อน้อยหลวงปู่ยังเมตตาทำการรักษาโรคในอาทิตย์ที่ 1 และ 2 ของเดือนด้วย