วันเสาร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต)

http://www.dhammatoday.com/
http://www.atriumtech.com/cgi-bin/hilightcgi?Home=/home/InterWeb2000&File=/home2/searchdata/Forums/http/www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y4115662/Y4115662.html อันนี้เป็นประวัติของท่านนะครับ http://hilight.kapook.com/view/32133 เห็นเค้าทำไว้พอสมควรที่เดียวได้รายละเอียดดีครับ

ข้อคิด คำคม พระพรหมคุณาภรณ์


ชีวิตการงาน หรือสถานการณ์ต่างๆ
ในชีวิตประจำวันโดยทั่วไปแล้ว พอเจอเรื่องยากๆ เรามักถอย
ผลที่เกิดตามมาก็คือ ความท้อแท้ ไม่เต็มใจ ขาดความสุข
แล้วก็ไม่ตั้งใจทำ ก็เลยไม่ค่อยได้ประโยชน์ต่อชีวิต
แต่ถ้าเพียงแค่เปลี่ยนความคิด มองสถานการณ์นั้นๆ ว่า
เป็นสนามหรือโอกาสให้ฝึกฝนพัฒนาตนเองแล้ว
คนเราจะสู้หมดไม่ว่ายากขนาดไหน
เพราะสิ่งที่ยิ่งยากยิ่งได้ประสบการณ์มาก
ทำให้เต็มใจ ยินดี และตั้งใจทำ ผลผลิตออกมาดี
พอจะสรุปเป็นวลีสั้นๆ ได้ว่า ...เพียงแค่เปลี่ยนวิธีคิด ชีวิตก็เปลี่ยน...

ถ้าเราจะมุ่งสู่ความเป็น ...สังคมอุดมปัญญา...
เราจะต้องไม่อุดมไปด้วยการแสดงความคิดเห็น
โดยความพร่ามัวของหลักฐาน ขาดฐานความรู้
หยุดแสดงความคิดเห็น ด้วยสาเหตุหลักคือ
ความชอบใจหรือไม่ชอบใจ
ดังที่เราเห็นทั่วไปตามสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ในสังคมไทยทุกวันนี้
ที่มักแสดงความคิดเห็น แต่ไม่มีพื้นฐานของข้อมูลความรู้ที่รอบด้าน
หรือทั่วตลอด หลังจากนั้นคนเสพสื่อ
ก็นำไปอ้างอิงต่ออีกว่า ...เห็นหนังสือพิมพ์ หรือโทรทัศน์ออกข่าว
(ก็เลยเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง)...
ทั้งที่ยังไม่ได้พิสูจน์หรือหาความจริงก่อนว่าเป็นอย่างไร
แต่เชื่อว่าเป็นความจริง เพียงเพราะสื่อรายงาน
ส่วนสื่อเองก็ยังไม่ได้แสวงหาข้อเท็จจริงจนครบถ้วน
นอกจากนั้นปัจจุบันสื่อเองก็เอาง่ายเข้าว่า
โทรทัศน์นิยมจัดรายการเล่าข่าว
คนจัดรายการ ๒-๓ คนนำหนังสือพิมพ์ไปอ่าน
แล้วก็แสดงความคิดเห็นกันต่อสนุกสนาน
นักวิชาการบางคนจึงเรียกรายการลักษณะดังกล่าวว่า
...วารสารศาสตร์ฟาสต์ฟู้ด (Fast-food Journalism)...
เพราะไม่ได้ส่งเสริมสติปัญญาคนดูแต่อย่างใด
คงจะด้วยตัวอย่างที่มีทั่วไปดังที่ยกมานี้
ท่านจึงย้ำเตือนอยู่เสมอว่า
การแสดงความคิดเห็น ต้องมาคู่กับการหาความรู้
และเป็นความรู้ที่ค้นคว้าตรวจสอบให้ถูกต้องแม่นยำที่สุด
ถ้ามัวเพลินกับความเห็นโดยไม่ก้าวไปในความรู้
สังคมไทยก็จะไร้ความเข้มแข็งทางปัญญา

คนจำนวนมากนับถือศาสนา
เพียงเพื่อหวังจะหนีเคราะห์ขอโชค
แล้วมองว่า การสะเดาะเคราะห์
หรืออำนาจดลบันดาลเป็นเรื่องศาสนา
คนเราส่วนมากเวลาประสบสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา
ก็ไปสะเดาะเคราะห์ หาความสบายใจ ความอุ่นใจ
เพื่อเพิ่มความหวังขึ้นมา ไม่ดิ้นรนขวนขวาย
แล้วก็นอนใจ รอคอยความหวัง
ไม่ได้มองเห็นกระบวนการความเป็นเหตุผลเป็นผลว่า
จะแก้ปัญหาได้อย่างไร ได้เพียงความสบายใจ
แล้วก็ตกอยู่ในความประมาท
เมื่อไม่ได้แก้ไขปัญหา ต่อไปปัญหาก็อาจจะร้ายแรงขึ้น
จนกลายเป็นเคราะห์ไปจริงๆ
แต่ชาวพุทธ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม
นับถือศาสนาเพื่อช่วยพัฒนาความสามารถ
ที่จะเปลี่ยนเคราะห์ให้เป็นโชค
บัณฑิตเปลี่ยน...ปัญหา... ให้เป็น ...ปัญญา...
ใช้ปัญหาเป็นเครื่องพัฒนาปัญญา

จากเคราะห์ก็กลายเป็นโอกาสให้พัฒนาความรู้
ความสามารถของตนเอง
แม้ในยามที่รุ่งเรืองก็ต้องใช้เป็นปัจจัยในการสร้างสรรค์ยิ่งขึ้นไป

ทั่งหมดนี้ลอกเค้ามาน่ะครับผม.....ฮ่าๆๆๆๆๆ

แถมด้วยการไปตามรอยท่าน ว.วชิรเมธี กันที่นี่เลยครับ http://www.dhammatoday.com/index.php/th/2009-11-05-02-12-54/2009-09-14-04-32-39/2009-09-15-09-00-06/761--qq-.html

ขอธรรมจงมีแด่ท่านทั่งหลาย.....สาธุ สาธุ สาธุ ฮึๆๆๆๆๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Manager Online - ภาคใต้

Manager Online - ภาคกลาง-ตะวันออก

Manager Online - ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

Manager Online - ภาคเหนือ

คันฉ่องนกไฟ

ผู้ติดตาม

http://hi5.com/friend/displayLoggedinHome.do