วันพุธที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ก่อการร้าย






สหรัฐ อเมริกา ให้เกียรติ ยกระดับ "นช. ทักษิณ ชินวัตร" เป็นผู้ก่อการร้ายสากล
« เมื่อ: 16 มีนาคม, 2553, 09:37:17 AM



สหรัฐอเมริกา ให้เกียรติ ยกระดับ "ทักษิณ ชินวัตร" เป็นผู้ก่อการร้ายสากล


สะพัด! สหรัฐแจ้งเตือนไทย หลังดักฟัง น.ช.ทักษิณสั่งเตรียมก่อวินาศกรรมกรุงเทพฯ ขณะเดินทางไปมอนเตเนโกร เล็งขึ้นแบล็กลิสต์เป็นบุคคลไม่พึงประสงค์ ชี้ถือเป็นพฤติกรรมก่อการร้ายแล้ว

แหล่งข่าวด้านความมั่นคง เปิดเผยว่า ทางการประเทศสหรัฐอเมริกามีการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการก่อการร้ายให้แก่ ประเทศสมาชิกที่เป็นภาคีแลกเปลี่ยนข่าวกรององค์การสหประชาชาติ จำนวน 190 ประเทศ พบว่า มีการดักฟังโทรศัพท์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ขณะเดินทางไปยังประเทศมอนเตเนโกร ว่ามีการสั่งการเตรียมวางแผนการก่อวินาศกรรมในกรุงเทพฯ ตามการอ้างอิงของเครือข่ายภาคีข่าวกรององค์การสหประชาชาติ แต่ในกรณีนี้อาจจะเป็นเพียงการแจ้งเตือนมายังไทย และขึ้นแบล็กลิสต์เป็นบุคคลไม่พึงประสงค์สำหรับประเทศเขา

แหล่งข่าว ระบุว่า ตามหลักแล้วไทยมีความร่วมมือด้านการต่อต้านการก่อการร้าย มีกฎหมายที่เรียกว่า แพทริออต แอคต์ (The USA Patriot Act) หรือ กฎหมายโฮมแลนด์ (Homeland Security) ซึ่งระบุชัดเจนว่า พฤติกรรมใดที่เข้าข่ายการก่อการร้ายตามความเห็นชอบของสภาสูงสหรัฐอเมริกา ภายหลังเกิดเหตุการณ์ 911 หรือเหตุการณ์วินาศกรรมวันที่ 11 กันยายน ซึ่งมีเหตุการณ์คล้ายกับที่เกิดขึ้นในประเทศไทยขณะนี้

"การเข้าข่าย การก่อการร้ายนั้นมีองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น ให้ถือว่าการวางแผนเตรียมการ หรือโทรศัพท์พูดคุย ส่งอีเมล ก็ถือว่าเป็นพฤติกรรมที่เข้าข่ายการก่อการร้ายแล้ว ซึ่งในกฎหมายดังกล่าวมีการระบุคำจำกัดความ"

แหล่งข่าวเผยอีกว่า ทางสหรัฐอเมริกามีหน่วยงานด้านข่าวกรองที่มีประสิทธิภาพในการดักฟัง วิเคราะห์ข่าวกรองต่างๆ และแบ่งปันให้มิตรประเทศที่มีความสัมพันธ์อันดี และครั้งนี้ถือเป็นการแจ้งเตือนเหตุ ซึ่งจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการข่าวเป็นการต่างตอบแทน อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องที่ยืนยันได้ยากว่ามีภาวการณ์ดังนั้นหรือไม่ แต่ถือเป็นมารยาทของประเทศที่ได้รับข้อมูลด้านการข่าวที่ต้องรับฟังไว้

"ใน ทางปฏิบัติหากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นจริง การที่เขาแจ้งเตือนมานั้นก็เป็นการให้เราระวังตัว ถ้าเราไม่รับฟัง เขาก็จะไม่มีการแจ้งเตือนมาอีก และถ้าเกิดเหตุขึ้นจริงก็จะทำให้สถานการณ์อยู่ในภาวะควบคุมได้ยาก ทั้งนี้ เป็นไปในลักษณะปฏิเสธ หรือยืนยัน (ดีไนน์ ออร์ คอนเฟิร์ม)" แหล่งข่าวชี้แจงลักษณะการพึ่งพิงด้านข่าวกรองระดับนานาชาติ.

ที่มา: http://www.thaipost.net/news/160310/19408
เป็นกระบวนการสมเหตุสมผลตามประมวลกฎหมายอาญาหมวด 2 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ระบุ มาตรา 113-114 ผู้ใดใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย

(1) ล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ

(2) ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร หรืออำนาจตุลาการแห่งรัฐธรรมนูญ หรือ

(3) แบ่งแยกราชอาณาจักรหรือยึดอำนาจการปกครองในส่วนใดส่วนหนึ่งแห่งราชอาณาจักร ผู้นั้นกระทำความฐานเป็นกบฏ ผู้ใดสะสมกำลังพลหรืออาวุธ ตระเตรียมการ หรือสมคบกันเพื่อเป็นกบฏ หรือกระทำความผิดใดๆ อันเป็นส่วนของแผนการเพื่อเป็นกบฏ หรือยุยงราษฎรให้เป็นกบฏ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี

-ศาลอนุมัติออกหมายจับ"ทักษิณ"

ที่ห้องพิจารณาคดี 611 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ศาลอ่านคำสั่งกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยื่นคำร้องที่ จ.781/2553 ขอหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายเมื่อวัน ที่ 19 พ.ค. โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของดีเอสไอ ผู้ร้องซึ่งประกอบด้วยพยานบุคคล 3 ปาก คือ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ, พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีดีเอสไอ และ พ.ต.ท.ถวัลย์ มั่งคั่ง พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และพยานเอกสาร รวมทั้งพยานวัตถุแล้วเห็นว่า กรณีมีหลักฐานตามสมควรว่าผู้ต้องหาน่าจะได้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135/1 , 135/2 และ 135/3 ประกอบมาตรา 83 , 84 , 85 และ 86 จึงให้ออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้ต้องหาตามขอ
จากนั้น พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวว่า หลังจากนี้ จะเป็นหน้าที่ของอัยการฝ่ายต่างประเทศ ที่จะดำเนินการตามขั้นตอน พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดนฯ ติดตามตัวพ.ต.ท.ทักษิณมาดำเนินคดีตามหมายจับต่อไป ส่วน นายพิชิฏ ชื่นบาน ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายพ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อทราบคำสั่งออกหมายจับแล้ว ได้โทรศัพท์แจ้งผลทันที ขณะที่ นายธนเดช พ่วงพูล ทนายความ กล่าวสั้นๆว่า หลังจากนี้จะต้องหารือ ถึงแนวทางการใช้สิทธิ์ ยื่นอุทธรณ์ เพื่อขอเพิกถอนหมายจับต่อไป
หลัง จากศาลมีคำสั่งอนุมัติให้ออกหมายจับพ.ต.ท.ทักษิณ จะเป็นแรงกดดันให้นานาชาติยอมส่งตัวอดีตนายกฯเป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับมา ดำเนินคดีในประเทศไทยได้ง่ายขึ้น การออกหมายจับจะช่วยให้การทำงานในต่างประเทศมีอุปสรรคน้อยลง มีความชัดเจนมากขึ้น ความผิดฐานก่อการร้ายมีความชัดเจนในตัวเอง ต่างประเทศก็ให้ความสำคัญเรื่องนี้
ด้าน นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงการประสานงานกับนานาชาติภายหลังศาลอาญาอนุมัติหมายจับพ.ต.ท.ทักษิณ ว่า กระทรวงการต่างประเทศต้องได้รับเรื่องจากอัยการสูงสุดที่จะส่งหนังสือแจ้ง ข้อกล่าวหามายังกระทรวงก่อน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศจะมีหน้าที่ดำเนินการใน 2 ทางคือ ผ่านทางคณะทูต โดยตนจะทำเรื่องผ่านสถานทูตของประเทศต่างๆ ที่ประจำในประเทศไทยและผ่านสถานทูตไทยไปยังประเทศเจ้าภาพ และเรื่องนี้เป็นเรื่องของการก่อการร้ายจึงต้องประสานไปยังสำนักงานตำรวจ แห่งชาติและตำรวจสากลหรืออินเตอร์โพล ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส
ขณะที่
นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ กล่าวถึงขั้นตอนการติดตามตัวพ.ต.ท.ทักษิณภายหลังศาลออกหมายจับในความผิดฐาน ก่อการร้ายว่า การขอตัวผู้ร้ายข้ามแดนจากต่างประเทศทำได้ใน 2 กรณี คือกรณีขอตัวมาเพื่อยื่นฟ้องคดีเป็นจำเลยต่อศาลและขอตัวมาเพื่อรับโทษตามคำ พิพากษา การที่ศาลอาญาอนุมัติออกหมายจับพ.ต.ท. ทักษิณตามที่ดีเอสไอได้ร้องขอนั้น เข้าใจว่าเป็นหมายจับในชั้นสอบสวน อัยการยังไม่มีอำนาจในการประสานกับประเทศต่างๆ ให้ส่งตัวพ.ต.ท.ทักษิณมาดำเนินคดีได้ จนกว่าพนักงานสอบสวนดีเอสไอจะดำเนินการสอบสวนให้เสร็จสิ้น พร้อมมีความเห็นสั่งฟ้องพ.ต.ท.ทักษิณข้อหาก่อการร้ายส่งให้พนักงานอัยการ ซึ่งเมื่อถึงขั้นตอนนี้ อัยการจะพิจารณาสำนวนของดีเอสไอก่อน หากอัยการพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ต่อศาล อัยการจึงจะสามารถประสานกับรัฐบาลประเทศที่พ.ต.ท.ทักษิณอาศัยอยู่ ให้ส่งตัวพ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับมาดำเนินคดีได้
ขณะที่ สำนักข่าวต่างประเทศ ทั้งซีเอ็นเอ็น และเอเอฟพี รายงานว่า ศาลไทยมีคำสั่งอนุมัติหมายจับพ.ต.ท.ทักษิณ ในข้อหา ก่อการร้ายตามคำขอของกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอแล้ว หลังจากพิจารณาแล้วเห็นว่ามีหลักฐานว่ายุยงกลุ่มผู้ประท้วงเสื้อแดงก่อเหตุ ไม่สงบในประเทศ

เอเอฟพี ระบุด้วยว่า ข้อหาก่อการร้ายมีโทษถึงขั้นประหารชีวิต แต่จุดประสงค์ของการออกหมายจับครั้งนี้น่าจะเป็นการสนับสนุนความพยายามที่จะ ให้ต่างชาติส่งตัวพ.ต.ท.ทักษิณในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนให้ทางการไทย หลังจากเขาได้หลบไปพักอาศัยในประเทศต่างๆ

ขณะที่ สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความชาวแคนาดาซึ่งมีสำนักงานในอังกฤษ ได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้ในนามของพ.ต.ท.ทักษิณ โดยระบุว่า รัฐบาลได้แทรกแซงกระบวนการยุติธรรมด้วยการตั้งข้อหาที่เป็นการผิดหลักเหตุผล ละเมิดกฎหมาย และทำลายความหวังที่จะสร้างความปรองดอง
จตุพรมอบตัว-ไม่รับก่อการร้าย

ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช., นายวิเชียร ขาวขำ ส.ส.จังหวัดอุดรธานี ผู้ถูกกล่าวหาในคดีก่อการร้าย พร้อมด้วย นายคารม พลทะกลาง หัวหน้าทนายความ นปช. เข้าให้ปากคำในคดีก่อการร้ายต่อ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีก่อการร้าย โดยมีกองเชียร์กลุ่มเสื้อแดงจำนวนหนึ่งยืนถือกระดาษรูปหัวใจตะโกนให้กำลัง

อย่างไรก็ตาม หลังจากสอบสวนนานกว่า 2 ชั่วโมง นายจตุพร กล่าวว่า จะยื่นเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมเป็นลายลักษณ์อักษรอีกครั้งภายใน 30 วัน พร้อมยืนยันว่า การชุมนุมเป็นไปโดยสงบ อหิงสา และปราศจากอาวุธ ที่ผ่านมาไม่เคยคิดสร้างปัญหาให้บ้านเมือง เพียงแต่ต้องการประชาธิปไตย โดยให้ยุบสภาเท่านั้น ซึ่งการแจ้งข้อหาก่อการร้ายนั้นเกินกว่าเหตุ ทั้งนี้ ได้รับรายงานว่า แกนนำที่ยังไม่เข้ามอบตัวนั้นปลอดภัยดี ส่วนขบวนการใต้ดินที่มีความเคลื่อนไหวอยู่ขณะนี้ ยืนยันว่าไม่ขอสนับสนุน และจะยังไม่มีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในเร็วๆ นี้ พร้อมจี้รัฐบาลเร่งดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ใช้เวลาในการดำเนินคดีนานมาก

นาย จตุพร กล่าวอีกว่า ได้รับการติดต่อจากนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง และนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ แกนนำนปช. ว่ายังปลอดภัยดีแต่ไม่สามารถระบุได้ว่าขณะนี้หลบหนีอยู่ที่ใด เชื่อว่าหากรัฐบาลประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แกนนำนปช. ที่ยังไม่ได้เข้ามอบตัวทั้งหมดจะเข้ามอบตัวในทันที ทั้งนี้ตั้งแต่หลังเหตุการณ์วันที่ 19 พ.ค. ตนยังไม่ได้ติดต่อกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ย่างใด
ตัดตอนบางส่วนของข่าวจาก ข่าววันที่ 25 พฤษภาคม 2553 แหล่งข่าวจาก สยามรัฐ

ในข้อความทั่งหมดข่าวผมเห็นได้ในหลายๆจุดว่าธรรมหรือกฎแห่งกรรมย่อมตอบสนองต่อการกระทำได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน การพูด การทำ ย่อมสะท้อนออกมาถึงความคิดภายในได้ เมื่อใดเราไม่ทำตามสิ่งที่เป็นความจริงแท้ ไม่ว่าอย่างไงย่อมไม่อาจหลีกหนีำกฎนี้ไปได้ ว่า มนุษย์ย่อมเป็นไปตามกรรม กฎแห่งกรรมศักดิ์สิทธิ์เสมอ แต่เป็นอีกด้านทีว่าทำไมคนเรามองไม่เห็นถึงผลสุดท้ายว่าจะได้อะไรกลับมา ความดี ความชั่วแห่งตน ไม่มีใครมารับแทนรางวัลแห่งกรรมที่ก่อจะได้ไว้จะเป็นอบายภูมิหรือสวรรค์เป็นที่สุดท้าย
ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ทำไมถึงได้กลัวกันนัก ว่าตัวเองจะตายเพราะความจริง
ไม่นึกบ้างหรือว่าความปรอดโปร่ง เบา ไร้การผูกมัด หรือมีความเป็นอิสระจากพันธนาการใดๆมันช่างววิเศษที่สุด เราทำได้เมื่อไม่มีตัวกู ของกู อย่างที่ ท่านอาจารย์ พุทธทาส สอนเอาไว้
โลกาจะวินาศถ้าไม่มีศีลธรรม ถ้ามันหมายถึงการทำหน้าที่แล้ว เราต้องเข้าใจถึงตัวเองก่อนอื่น แล้วจึงจะตอบได้ในคำถามหลายๆข้อ ที่ทำให้เกิดความสุขต่อบ้านเมือง ทั่งบ้านเล็กภายในครอบครัวและบ้านใหญ่อย่างประเทศชาติ

สติสู่ศีล สมาธิ ปัญญา ญาน วิมุติธรรม แห่งพระอริยะบุคคลทั้งหลาย
เป็นทางเอก ทางเดียว ที่พ้นจากทุกข์ทั้งปวง ตามคำสั่งสอน พระศาสดาสัมมาสัมพุทธะเจ้า
"ตนแล เป็นที่พึ่งแห่งตน
ใครไหนอื่นเล่าจักเป็นที่พึ่งได้
ตนอันฝึกดีแล้ว เป็นที่พึ่งอันหาได้ยาก
ผู้รู้จึงเร่งฝึกตน"
"พระพุทธองค์จึงตรัสว่า เธอทั้งหลายก็เหมือนกัน จงกระตุ้นเตือนตนในความไม่ประมาท (ดั่งเสียงกลองศึก ) จงตามรักษาจิตของตนด้วยกำลังที่มีอยู่ของเธอ
ก็จะสามารถถอนตนขึ้นจากหล่มคือกิเลสทั้งปวง เหมือนดั่งช้างศึกตัวนั้นแล "

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Manager Online - ภาคใต้

Manager Online - ภาคกลาง-ตะวันออก

Manager Online - ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

Manager Online - ภาคเหนือ

คันฉ่องนกไฟ

ผู้ติดตาม

http://hi5.com/friend/displayLoggedinHome.do